การเปิดบัญชีการซื้อขายตราสารทุน
| |||
| |||
ประเภทบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ เมื่อนักลงทุนตัดสินใจได้แล้วว่าต้องการส่งคำสั่งซื้อขายผ่านเจ้าหน้าที่การตลาดหรือส่งคำสั่งซื้อขายทางอินเตอร์เน็ต ขั้นตอนต่อมาคือการเลือกว่าจะเปิดบัญชีประเภทใด ซึ่งบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ | |
บัญชีเงินสด (Cash Account) เป็นบัญชีสำหรับนักลงทุนที่ต้องการซื้อหลักทรัพย์โดยชำระค่าหลักทรัพย์เต็มจำนวนด้วยเงินสด โดยโบรกเกอร์จะพิจารณาอนุมัติวงเงินที่เหมาะสมกับฐานะการเงินและความสามารถในการชำระหนี้ ทั้งนี้ การซื้อหลักทรัพย์จะต้องชำระค่าซื้อภายใน 3 วันทำการนับจากวันที่ซื้อหลักทรัพย์ ส่วนในกรณีที่ขายหลักทรัพย์นักลงทุนจะได้รับชำระค่าขายหลักทรัพย์จากโบรกเกอร์การขายหลักทรัพย์ภายใน 3 วันทำการนับจากวันที่ขายหลักทรัพย์ บัญชีเงินกู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ประเภทเครดิตบาลานซ์ (Credit Balance) หรือบัญชีมาร์จิ้น (Margin Account) เครดิตบาลานซ์เป็นการให้กู้ยืมเงินเพื่อซื้อขายหลักทรัพย์ที่พิจารณาสถานะของลูกค้าในลักษณะเป็นแบบพอร์ตโฟลิโอ โดยไม่คำนึงถึงต้นทุนของแต่ละหลักทรัพย์ โดยกำหนดให้ลูกค้านำเงินสดหรือหลักทรัพย์อื่นๆ ที่โบรกเกอร์กำหนด มาวางเป็นประกันการชำระหนี้ โดยมีมูลค่าอย่างน้อยเท่ากับ อัตราหลักประกันขั้นต้น (Initial Margin) เช่น ลูกค้าวางเงินสดจำนวน 5 แสนบาท สมมติว่าปัจจุบันอัตราหลักประกันขั้นต้นเท่ากับ 50% ดังนั้น ลูกค้าจะมีวงเงินซื้อหรือขายชอร์ต (อำนาจซื้อหรือขายชอร์ต) เท่ากับ 1 ล้านบาท และโบรกเกอร์จะทำการปรับมูลค่าหลักทรัพย์ด้วยราคาปิด (Mark to Market) ทุกสิ้นวันทำการ จะมีผลทำให้อำนาจซื้อหรือขายชอร์ตของลูกค้าผันแปรตามมูลค่าตลาดของหลักทรัพย์ที่วางไว้เป็นหลักประกันด้วย การลงทุนด้วยบัญชีมาร์จิ้นนี้ นักลงทุนควรศึกษากฎเกณฑ์ของแต่ละโบรกเกอร์อย่างละเอียดถี่ถ้วน ทั้งในเรื่องของประเภทและมูลค่าของหลักประกัน และอัตรามาร์จิ้น อนึ่ง นักลงทุนสามารถเลือกเปิดได้เพียงประเภทเดียวเท่านั้น นอกจากนี้นักลงทุนไม่สามารถเปิดบัญชีโดยใช้ชื่อร่วมกับบุคคลอื่นได้ | |
เอกสารที่ต้องใช้เพื่อเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ สำหรับนักลงทุนที่ตัดสินใจที่จะเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ควรติดต่อโบรกเกอร์เพื่อให้จัดส่งเอกสารเปิดบัญชีมาให้ โดยทั่วไปแล้วนักลงทุนต้องกรอกข้อมูลส่วนบุคคลในแบบฟอร์มคำขอเปิดบัญชี สัญญาแต่งตั้งตัวแทนซื้อขายหลักทรัพย์ และบัตรตัวอย่างลายมือชื่อ สำหรับเอกสารหลักฐานที่ใช้ในการเปิดบัญชีมีดังต่อไปนี้ | |||||
ส่งคำสั่งซื้อขาย รวมทั้งการชำระเงิน หรือในการติดต่อใดๆ กับโบรกเกอร์ รหัสนี้นักลงทุนควรเก็บไว้เป็นความลับ เพราะมิฉะนั้นแล้วอาจมีผู้แอบอ้างทำให้เกิดความเสียหายได้ เพียงเท่านี้นักลงทุนก็สามารถลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้แล้ว แต่ก่อนที่นักลงทุนจะเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ไหน ขอแนะนำให้ทำความรู้จักกับบริการและบทบาทของโบรกเกอร์ เพื่อพิจารณาว่านักลงทุนควรจะเลือกซื้อขายกับโบรกเกอร์ใด | |||||
เปิดบัญชีการซื้อขายตราสารหนี้ | |
สำหรับการเปิดบัญชีการซื้อขายตราสารหนี้จะใช้หลักเกณฑ์เดียวกันกับการเปิดบัญชีการซื้อขายตราสารทุน และเอกสารหลักฐานที่ใช้จะเหมือนกันทุกประการ โดยที่นักลงทุนสามารถเปิดบัญชีซื้อขายประเภทเงินสดได้เพียงอย่างเดียว และมีเอกสารที่นักลงทุนต้องเซ็นให้ความยินยอมเพิ่มเติมดังต่อไปนี้
| |
สำหรับการเปิดบัญชีการซื้อขายตราสารอนุพันธ์ประเภทฟิวเจอร์สและออปชั่นจะใช้หลักเกณฑ์การพิจารณาเดียวกันกับการเปิดบัญชีการซื้อขายตราสารทุน ที่แตกต่างกันคือสัญญาที่ใช้ในการเปิดบัญชี ซึ่งในการเปิดบัญชีประเภทฟิวเจอร์สและออปชั่น นักลงทุนต้องกรอกเอกสารดังต่อไปนี้
หากหลักประกันลดลงต่ำกว่าระดับหลักประกันรักษาสภาพขั้นต้น ลูกค้าจะต้องนำเงินสดมาวางเพิ่มในทำการถัดไป เพื่อให้หลักประกันกลับไปอยู่ไม่น้อยกว่าระดับของหลักประกันขั้นต้น (Initial Margin) | |||
หลักประกันปิดฐานะระหว่างวัน (Intraday Force Close Margin) | |
เป็นระดับหลักประกันที่ลูกค้าจะต้องมีภายในเวลาทำการ หากหลักประกันลดลงต่ำกว่าระดับปิดฐานะระหว่างวัน บัญชีของนักลงทุนอาจจะถูกโบรกเกอร์บังคับขาย เพื่อให้หลักประกันกลับไปอยู่ไม่น้อยกว่าระดับของหลักประกันรักษาสภาพ (Intraday Force Close Margin)นอกจากนี้ ทุกๆ สิ้นวันทำการโบรกเกอร์จะคำนวณส่วนต่างของราคาอ้างอิงรายวันของสัญญาฟิวเจอร์สและออปชั่นในสิ้นวันนั้นๆ เทียบกับราคาราคาอ้างอิงรายวันของสัญญาฟิวเจอร์สและออปชันในวันทำการก่อนหน้า โดยหากในวันนั้นเกิดผลกำไร โบรกเกอร์จะบวกผลกำไรเข้าในบัญชีมาร์จิ้นของลูกค้า แต่ถ้าหากเกิดผลขาดทุนขึ้น โบรกเกอร์จะหักผลขาดทุนออกจากบัญชีของลูกค้าเช่นกัน ทำให้บัญชีของลูกค้ามีการปรับสถานะให้ตรงตามราคาตลาดทุกสิ้นวันทำการ การลงทุนด้วยบัญชีมาร์จิ้นสำหรับสัญญาฟิวเจอร์สและออปชั่นนี้ นักลงทุนควรศึกษาหลักเกณฑ์ของแต่ละโบรกเกอร์อย่างละเอียดถี่ถ้วนทั้งในเรื่องของ เงินสดที่ฝากเป็นประกัน ประเภทของระดับหลักประกัน และหลักเกณฑ์อื่นๆ ที่โบรกเกอร์กำหนด | |
ที่มา :: http://www.tsi-thailand.org/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น