วันจันทร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

เครดิตบาลานซ์

เครดิตบาลานซ์
 
 
 
Credit Balance เป็นรูปแบบการกู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (Margin Loan) ประเภทหนึ่ง สำหรับลูกค้าที่ต้องการกู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ หรือต้องการยืมหลักทรัพย์เพื่อมาขายชอร์ต ก่อนที่จะซื้อหรือขายชอร์ต ลูกค้าจะต้องสร้างอำนาจซื้อ (Purchasing Power) ก่อน โดยนำเงินมาวางหรือนำหุ้นมาจำนำ และในทุกๆวัน บริษัทฯจะทำการปรับมูลค่าตามราคาตลาด (Mark to Market) ซึ่งทำให้อำนาจซื้อเปลี่ยนแปลงตามมูลค่าหลักทรัพย์ที่เปลี่ยนแปลงไป
การซื้อขายหลักทรัพย์
1.ลูกค้าที่เปิดบัญชี Credit Balance จะต้องมีบัญชีเงินสด เพื่อประเมินวงเงินอนุมัติ สำหรับบัญชี Credit Balance
2.สำหรับหลักทรัพย์ที่อนุญาตให้ซื้อขายในบัญชี Margin บริษัทฯจะทบทวนรายชื่อ และอัตรามาร์จิ้นเริ่มต้น (Initial Margin) ของแต่ละหลักทรัพย์เป็นประจำอย่างน้อยเดือนละครั้งและจะติดประกาศ ณ ที่ทำการของบริษัท
3.อัตรามาร์จิ้นเริ่มต้น (Initial Margin) จะแสดงสัดส่วนอำนาจในการซื้อหลักทรัพย์ในบัญชี เช่น หลักทรัพย์ที่มี Initial Margin 70% หมายถึงลูกค้าต้องมีทรัพย์สินส่วนเกินคงเหลือ 70% จึงสามารถซื้อได้ 100%
4.ก่อนที่จะซื้อหลักทรัพย์ ลูกค้าต้องสร้างอำนาจซื้อก่อน โดยการนำเงินมาวางหรือนำหุ้นมาจำนำ ซึ่งหุ้น ที่นำมาจำนำนั้นต้องเป็นหุ้นที่บริษัทอนุญาตให้ซื้อขายในบัญชีมาร์จิ้นได้ และต้องเป็นหุ้นที่มี Initial Margin 50%
5.บริษัทจะทำการ Mark to Market ทุกวันซึ่งจะทำให้อำนาจซื้อเปลี่ยนแปลงตามมูลค่าหุ้นที่เปลี่ยนแปลง
6.ในกรณีที่ลูกค้าซื้อหลักทรัพย์ บริษัทฯจะหักค่าซื้อจากเงินส่วนของลูกค้าก่อน หากไม่พอค่าซื้อ ส่วนที่เหลือจึงจะเป็นเงินกู้ โดยลูกค้าต้องจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ในอัตราที่บริษัทฯกำหนด
7.ในกรณีที่ลูกค้าขายหลักทรัพย์ บริษัทฯ จะนำเงินค่าขายไปหักจากยอดเงินกู้ที่ลูกค้ามีก่อน ส่วนที่เหลือถึงจะเป็นเงินในส่วนของลูกค้าฝากไว้กับบริษัทฯโดยเงินที่ส่วนนี้ลูกค้าจะได้รับดอกเบี้ยเงินฝากในอัตรา ที่บริษัทฯ กำหนด
การเรียกหลักประกันเพิ่ม
ณ สิ้นวันทำการใดๆ หากมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของลูกค้า (Equity) ตามราคาตลาดมีมูลค่าลดลงต่ำกว่า มูลค่าสินทรัพย์ที่ต้องดำรงไว้ (Call Margin) บริษัทจะเรียกให้ลูกค้านำหลักประกันมาวางเพิ่มในจำนวนที่ทำให้ มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของลูกค้า (Equity) มีมูลค่าไม่ต่ำกว่ามูลค่าทรัพย์สินที่ต้องดำรงไว้ (Call Margin)
หากลูกค้าไม่วางหลักประกันตามจำนวนที่แจ้ง ภายใน 5 วันทำการนับจากวันที่บริษัทแจ้งให้ลูกค้าทราบ บริษัทอาจบังคับขายหรือบังคับซื้อหลักทรัพย์ในบัญชีของลูกค้าในวันทำการถัดจากวันที่ครบกำหนดการวางหลักประกัน เพื่อให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของลูกค้า (Equity) มีมูลค่าไม่ต่ำกว่ามูลค่าทรัพย์สินที่ต้องดำรงไว้
การบังคับชำระหนี้
ณ สิ้นวันทำการใดๆ หากมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของลูกค้า (Equity) ตามราคาตลาดมีมูลค่าลดลงต่ำกว่า มูลค่าทรัพย์สินขั้นต่ำ (Force Margin) บริษัทจะบังคับขายหรือบังคับซื้อหลักทรัพย์ในบัญชีของลูกค้าเพื่อให้ มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของลูกค้า (Equity) มีมูลค่าไม่ต่ำกว่ามูลค่าทรัพย์สินที่ต้องดำรงไว้ (Call Margin) ภายในวันทำการถัดไป
การถอนเงิน
การขอเบิกเงินสดออกจากบัญชี ลูกค้าต้องแจ้งให้บริษัททราบล่วงหน้าก่อน 1 วันทำการ และลูกค้าสามารถ ถอนเงินออกจากบัญชีได้ไม่เกินสินทรัพย์ส่วนเกินของลูกค้า (Excess Equity) ในกรณีที่สินทรัพย์ส่วนเกิน (Excess Equity) เกิดจากสินทรัพย์ที่นำมาจำนำ บริษัทจะให้ลูกค้าถอนจำนำออกก่อน
ดอกเบี้ย
ดอกเบี้ยจะคำนวณจาก Cash Balance และ ยอดเงินกู้ยืม (Loan) ในทุกสิ้นวัน และจะเรียกเก็บหรือชำระให้ ในทุกสิ้นเดือน
รายละเอียดอัตราดอกเบี้ยที่เกี่ยวข้อง
รายละเอียดอัตราดอกเบี้ยที่เกี่ยวข้อง
รายชื่อหลักทรัพย์และอัตรามาร์จิ้นที่ให้ซื้อในบัญชีมาร์จิ้น
รายชื่อหลักทรัพย์และอัตรามาร์จิ้น บัญชี Credit Balance
การให้ซื้อหลักทรัพย์นอก Marginable Securities List-IM Call Force 100%
การให้ซื้อหลักทรัพย์นอก Marginable Securities List-IM Call Force 100%
ประกาศรายชื่อหลักทรัพย์และอัตรามาร์จิ้น TSFC
รายชื่อหลักทรัพย์ที่อนุญาตให้ซื้อเพิ่มและไม่ให้ซื้อเพิ่มในบัญชีมาร์จิ้น (TSFC)
Marginable List (TSFC)
 
 
 
 
 
 
 
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น