วันศุกร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2555

เรื่องเล่าจาก Banker โดย ภาววิทย์ (ตอนที่ 4) "เงิน??"

เรื่องเล่าจาก Banker โดย ภาววิทย์ (ตอนที่ 4) "เงิน??"
 
 
เงินในสายตาของ Banker คืออะไร!!
"เงิน" ในมุมมองของ Banker มันก็คือ "เบ็ดตกปลา!!" ..อะไรฟะ --ถูกต้อง เพราะในมุมมองธนาคาร เงินมันก็คือ "หนี้" (ดังนั้นเงินฝากของคุณ ก็คือหนี้ของธนาคาร)
หน้าที่อย่าง Banker อย่างผม ก็คือ "คิดหาวิธีให้คุณสร้างหนี้ให้มากที่สุดได้อย่างไร ซึ่งถ้ายก case ของอเมริกา เขาก็สร้าง The American Dream (นั่นคือ ความฝันของอเมริกันคือ มีบ้านเป็นของตัวเอง) นี่คือหนี้ก้อนใหญ่ที่สุดในชีวิตของคน ดังนั้น ถ้าผมผูกหนี้ก้อนนี้ เข้ากับชีวิตคุณได้ เราก็ขอต้อนรับคุณสู่ " Rat Race ของระบบทุนนิยม!!" (เอ๋อ!! ใครอยากกู้ซื้อบ้าน โทรหาผมได้ ถ้าเกิน 20 ล้าน ผมจะส่งสาวๆแบงค์ บริการถึงที่ "ขำขำ"อย่าคิดลึก!!)
แต่อย่างที่ เข้าใจ "หากคุณต้านมันไม่ได้ ให้คุณเรียนรู้ และหาประโยชน์จากมัน" (เพราะถ้าคุณทำตรงข้าม คุณอาจต้องบินไป เกาหลีเหนือ ไปเป็นสาวก (คิม จอง อิว) แทน..แต่ต้องรีบๆนะครับ ได้ข่าวมา ป๋าคิม ตอนนี้มะเร็งกินไปกว่าครึ่งร่าง เดี๋ยวจะไปไม่ทัน) บ้า!! --- คือ ทางแก้ไม่ใช่ให้คุณหนี!! แต่คุณต้องสู้กับมัน ..ผมคนหนึ่งแหละ ที่ค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับทุนนิยมอย่างจริงจัง!!
ดังนั้น ถ้าคุณมองเหมือนธนาคาร คุณจะไม่ชอบ "เงินสด" เลย เพราะมูลค่ามันลดลงในอัตราเร่ง!!
ขอน อกเรื่องนิดนึง คือ จะยก Case Study ของปู่ผมเอง (คุณ ทวิช กลิ่นประทุม) ..คือสมัยที่ท่านยังหนุ่ม ปู่ผมเป็นนักธุรกิจคนนึงที่เรียกได้ว่า รวยโคตรและดังสุดๆ ไม่แพ้คุณ อุเทน เตชะไพบูรณ์ แต่จุดที่เปลี่ยนของตระกูลผมก็คือ การก้าวเข้าสู่การเมืองของคุณปู่
ถ้า ผม Comment ผมจะเรียก มันว่า "The Worst Decision of the Great man" (คือการตัดสินใจที่ห่วยที่สุดของชีวิตคุณทวิช) ปู่ผมรวยจากธุรกิจขนส่ง ซึ่งใครๆก็ทราบว่ายุคนั้น ความรวยอยู่ที่ ท่าเรือและ Shipping ยิ่งสมัยที่เกิดสงคราม เวียดนาม ..บริษัทที่ผูกขาดการขนส่งในสมัยนั้น ก็คือ เทรลเลอร์ ทรานสปอร์ต (ใช่แล้วครับ บริษัทของตระกูล "กลิ่นประทุม" ที่ผูกขาดการขนส่งของประเทศไทยในสมัยนั้น)
ปัญหาที่แท้จริงมันก็คือ "การเมือง!!" (สมัยก่อนใครเล่นการเมือง มีแต่เสียเงิน เพราะยุคนั้น คุณอย่ามาหวังสัมปทานเลย รัฐบาลยังจนสุดๆ Project เอกชนเท่านั้น ที่ขับเคลื่อนประเทศ..คุณปู่ผมเอาเงินไปละลายในการเมือง จนได้รับ ฉายาว่า "เจ้าบุญทุ่ม" มันเป็นสิ่งที่ผมเสียดายสุดๆ ..แต่ทำไงได้ นั่นมันเงินท่าน ปู่ผมบอก "ปู่สร้างตัวจากศูนย์ และปู่ก็ไม่กลัวที่จะกลับไปที่ศูนย์" และนี่คือประโยคจาก นักธุรกิจและนักการเมืองหัวใจนักเลงที่ชื่อว่า ทวิช กลิ่นประทุม(ปู่ผม ๆ ..เท่ห์ ๆ))
ผมศึกษาประเด็นการตัดสินใจของคุณ ปู่ ซึ่งถ้าผมมองมันเป็น Life time Opportunity --หลายครั้งมากๆ ที่ปู่ผมปล่อยโอกาสให้มันผ่านไป (แต่อย่างที่บอกนะครับ แต่ละคนเกิดมาไม่เหมือนกัน สิ่งต่างๆหรือโอกาสที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ก็มีไม่เท่ากัน ..ชีวิตของคนๆนึง บางครั้งขอแค่ Shot เดียว คุณก็รวยทั้งชาติ ..แต่ปู่ มีโอกาสที่ผ่านเข้ามาจน ทำให้ผมนึกว่า "เฮ้ย!! ทำไมมันไม่ผ่านเข้ามาให้ผมบ้างฟะ!! อิ อิ" ..คนเราต่างกัน รอก่อนนะ"ภาววิทย์" (จ๋อย เลย!!)
โอกาสครั้งใหญ่ที่ผ่านเข้ามาในช่วง ปู่ผมกำลังอยู่ในช่วง peak ของธุรกิจและการเมือง มันคือ Project กับบริษัทน้ำมันรายใหญ่ของโลก (สมัยนั้น PTT ยังไม่เกิดเลย) ปู่ผม กับ ฝรั่ง วางแผนกันเรื่องการเปิด ปั๊มน้ำมันทั่วประเทศตั้งแต่เหนือจดใต้ ซึ่งทุกปั๊มจะเป็น Community shop ก็คือ มีที่พัก และเอาของในชุมชนนั้นๆมาขาย เป็น center "เรื่องนี้คิดกันก่อนที่ PTT จะเกิดขอย้ำ!!"
..ทุกอย่างได้รับไฟเขียว ยกเว้นเรื่องเดียว คือ ตอนนั้นตกลงกันไม่ได้ ระหว่าง บริษัทฝรั่งกับปู่ผมว่า ใครจะถือ 50/49 หรือ 49/50 .."สรุป ด้วยความนักเลงของคุณปู่ "งั้นกูไม่ทำ!!"..โห!! ไม่งั้นตอนนี้หลาน อย่างผมไม่ต้องทำงานแล้วครับ เป็น ลูกเจ้าสัว ขับสปอร์ต ไร้สาระไปวันๆ เดี๋ยวจีบดาราคนนั้นคนนี้" ..เอ๋!! แต่ก็เอาเถอะ ผมว่า อย่างนี้ดีแล้ว ผมเป็น Banker สานต่อฝันคุณตา รับใช้ธนาคารกรุงเทพต่อไป ..อิ อิ (ไม่คิดมาก)
การตัดสินใจครั้งใหญ่อีกครั้งของปู่ ที่ผมเสียดาย ก็คือ "ปู่ผม เกลียดตลาดหุ้น แต่ชอบเงินสด(Cash is King)" แต่ถ้ามองในมุมของปู่ ก็น่าอยู่หรอกครับ เพราะช่วงเปิดตลาดหุ้นใหม่ๆมีบริษัทอยู่แค่ 8 บริษัท หลังจากนั้น ก็มีแต่กิจการเน่าๆ แถมปั่นราคากันใหญ่ ..แต่ประเด็นมันอยู่ที่ การรักษามูลค่าของเงินนี่แหละ ที่ผมเสียดาย!!
"ปู่ผมสร้างตัวจาก การทำงานหนัก ดังนั้นท่านจะ Value เงินสดว่ามันคือของจริง" แต่หลังจากที่โลกเราเข้าสู่ระบบทุนนิยมในอัตราเร่ง (หลังจาก เรแกน เป็นประธานาธิปดี) อเมริกาดึงเงินตัวเองออกจากทอง แล้วผูกระบบการสร้างเงินเข้ากับหนี้ (สิ่งที่เกิดขึ้น คือ แค่ช่วง 30 ปี ที่ผ่านมา อเมริกาสร้าง Supply เงินเข้าสู่ระบบการเงินทั่วโลกอย่างบ้าคลั้ง ทั้งด้วย ธนาคารเอง บวกกับ Shadow Banking ที่เร่งปฎิกริยา การลดค่าเงิน และการเพิ่ม Inflation)
ประเด็นที่ปู่ผมคิด"ผิด!!"-- คือท่านคิดว่าเงินมันเป็นสิ่งที่รักษามูลค่าความมั่งคั้งได้ แต่ในมุมของ Banker มันไม่ใช่ ..สิ่งที่รักษามูลค่าคือ Asset ต่างหาก (ไม่แปลกนะที่ธนาคาร ไม่ค่อยสนใจแผนธุรกิจท่าน แต่เขาสนใจหลักทรัพย์ค้ำประกัน เพราะนั่นมันคือของจริง)
((หากย้อน เวลากลับไปได้))-- ผมจะแบ่งเงินของปู่ผม ไปลงทุน ในทอง ในที่ดิน และในหุ้น (สมมุติ เพราะจริงๆมันผ่านไปแล้ว)..ถ้าผมทำเช่นนั้น ปู่ผมจะรักษามูลค่าความมั่งคั้งไว้ได้ แถมยังรวยขึ้นอีกในอัตราเร่ง!! ..สิ่งที่คุณปู่ผมพลาด "มันคือมุมมอง และมูลค่าของเงิน"
 
 
 
 
...คิดให้ดี เพราะชีวิตนี้ยังพอมีเวลา ให้คุณเลือกได้ครับ!!
เขียนโดย pawawit ที่ http://pawawit.blogspot.com
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น