วันพฤหัสบดีที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2556

๑๘ ข้อแนะนำในการเล่นหุ้นแบบเก็งกำไร ที่ไม่ควรพลาดเด็ดขาด !!


๑๘ ข้อแนะนำในการเล่นหุ้นแบบเก็งกำไร ที่ไม่ควรพลาดเด็ดขาด !!











๑๘  ข้อแนะนำในการเล่นหุ้นแบบเก็งกำไร  ที่ไม่ควรพลาดเด็ดขาด !!



การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า 'การเล่นหุ้น' นั้น  มีหลายรูปแบบ อยู่ที่ว่า ผู้ลงทุนจะชอบหรือถนัดแบบไหน

    การเล่นหุ้นแบบเก็งกำไร เป็นการเล่นหุ้นที่มีความเสี่ยงสูงกว่าแบบอื่น  แต่ก็ให้ผลตอบแทนที่สูงไปด้วย   ผู้ที่เล่นหุ้นแบบนี้ก็ควรเป็นผู้ที่สามารถคาดการณ์แนวโน้มของตลาดหุ้นได้ดี  เหมาะสำหรับลงทุนในช่วงเวลาที่ดัชนีมีแนวโน้มจะขึ้นสูงไปเรื่อย ๆ แต่จะยากในช่วงเวลาที่ดัชนีมีแนวโน้มจะต่ำลงไปเรื่อย ๆ 

    วันนี้  ผมมีกลยุทธ์การเล่นหุ้นแบบเก็งกำไรมาฝาก ไว้ให้ศึกษาและพิจารณาลงทุนครับ
  
    เริ่มเลยนะครับ  (แต่ขอให้ค่อย ๆ พิจารณาไปแต่ละข้อ ช้า ๆ) ...


๑.   ไม่ควรเล่นหุ้นหลายตัว แต่ควรเลือกหุ้นที่ดีที่สุดในสถานการณ์ขณะนั้น  ๒ - ๓  ตัว เท่านั้น และศึกษาหุ้นให้ละเอียดที่สุด

๒.   ควรคัดเลือกหุ้นที่มีลักษณะเด่น มีแนวโน้มจะขึ้นดี  โดยการวิเคราะห์ที่มีเหตุและผล  เช่น หุ้นประกาศจะจ่ายเงินปันผลเป็นเงินและเป็นหุ้นในอัตราสูงมาก,  ราคาวัสดุที่จำหน่ายมีแนวโน้มราคาดีมาก, โรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์มีปัญหา ทำให้หันมาใช้ถ่านหินมากขึ้น  และอัตราค่าระวางเรือขึ้น  เป็นต้น

๓.   ควรเลือกซื้อหุ้นที่ราคาหุ้นขึ้นไปสูงมาก ในช่วงเวลาที่ไม่นานมานี้  หรือเรียกง่าย ๆ ว่า 'หุ้นขึ้นเร็วลงเร็ว ขึ้นมาก ๆ ลงมาก ๆ'  ซึ่งเหมาะแก่การเก็งกำไร

๔.   ในการซื้อหุ้นแต่ละตัว จะต้องเตรียมเงินสำรอง สำหรับซื้อถัวเฉลี่ย หากหุ้นตก โดยผิดไปจากการคาดหมายของคุณ  อย่างน้อย ๑ หรือ ๒ ครั้ง เสมอ

๕.   การเล่นหุ้นแบบเก็งกำไร Day Trade  ปกติ ควรซื้อเช้า  ขายบ่าย  หรือซื้อบ่าย  ขายวันรุ่งขึ้น  ที่เรียกว่า  'ไม่นำหุ้นกลับบ้าน'    เมื่อเห็นช่องทางกำไรแล้ว  จึงค่อยลงทุนซื้อหุ้น แล้วเมื่อหุ้นขึ้นไปตามที่คาดการณ์ไว้  ก็ขายออกทันที  ปกติพอร์ตควรจะว่างเปล่า

๖.   การเล่นแบบเป็นรอบ  ก็ควรจะซื้อ  ต่อเมื่อหุ้นนั้นเริ่มเงยหัวขึ้นไปบ้างแล้ว  (หลังจากที่ตกไปสุดแล้ว)  และควรจะขายเมื่อ หุ้นนั้นเมื่อขึ้นไปสูงสุดแล้ว และเริ่มตกไปบ้างแล้ว)
      (อย่าไปรอซื้อหุ้นจุดที่หุ้นตกสุด และอย่าไปรอขายหุ้นจุดที่หุ้นอยู่สูงสุด  เพราะยากมาก)

๗.   ควรคิดต่างจากคนส่วนมากคิด  เช่น  เมื่อหุ้นขึ้นไปสูงมากแล้ว  รีบขายหุ้นทิ้ง ก่อน XD โดยไม่รับเงินปันผล  เป็นต้น  หรือคอยซื้อหุ้นในช่วงหลังจาก XD ไปแล้ว  เพราะจะได้ราคาที่ถูกกว่าช่วงก่อน XD

๘.  ก่อนจะซื้อหุ้น จะต้องดูการวิเคราะห์หุ้นเสียก่อน  ว่านักวิเคราะห์ได้ให้ราคาเป้าหมาย  หรือราคาที่เหมาะสมไว้ที่เท่าไร  อย่าซื้อในราคาที่เกินกว่าราคาที่นักวิเคราะห์ได้ให้ไว้

๙.  ควรใช้โปรแกรมวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิคที่ดีมีคุณภาพ  ช่วยในการซื้อขายหุ้น  เพราะโปรแกรมจะช่วยบอกจุดที่ควรซื้อ และขาย ในแต่ละรอบให้เราด้วย ให้เราตัดสินใจซื้อขายเอง  จะช่วยได้มากทีเดียว  นอกนั้น โปรแกรมจะให้ข้อมูลวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่น ๆ  อีกหลายอย่าง เพื่อช่วยในการตัดสินใจในการลงทุน และผู้ใช้งานควรศึกษาการใช้โปรแกรมให้ดี  รวมทั้ง ควรไปรับการฝึกอบรมการใช้งานและเทคนิคอื่น ๆ ด้วย

๑๐.  หุ้นบางตัว ขึ้นลงพร้อมกับดัชนี SET ก็มี   จึงควรศึกษาหุ้นแต่ละตัวให้ดี ว่ามีส่วนสัมพันธ์กับอะไรบ้าง

๑๑.  ไม่สนับสนุนให้เล่นหุ้นปั่น  เพราะอาจพลาดท่าเสียทีได้ หากยังมีประสบการณ์น้อย

๑๒.  ข่าวสำคัญ ไม่ว่าข่าวในประเทศ หรือต่างประเทศก็ตาม อาจมีผลกระทบตลาดหลักทรัพย์ทันที   ควรจดจำไว้ให้ดี

       ข่าวสำคัญอาจได้มาจากหลายทาง  เช่น

       ข่าวการเมือง, ข่าวเศรษฐกิจ, นักวิเคราะห์,  หนังสือพิมพ์หุ้น,  โทรทัศน์,  วิทยุ  และจากเพื่อนร่วมเล่นหุ้น  เป็นต้น

       หุ้นอาจขึ้นหรือลงอย่างรวดเร็วกว่าปกติมาก  ทั้ง ๆ ที่บางทีเป็นข่าวไม่จริงก็มี  หรือเป็นข่าวปล่อย  เป็นต้น 

๑๓.  เมื่อมีโอกาส พยายามบริหารต้นทุนหุ้นให้ต่ำเสมอ ย่อมได้เปรียบ  เช่น  แนวโน้มราคาหุ้นจะต่ำลง  ให้ซื้อเฉลี่ยทันทีเมื่อมีโอกาสเหมาะสม

๑๔.  เมื่อหุ้นมีแนวโน้มขึ้นดีมาก  ขึ้นไปเรื่อย ๆ  ให้ซื้อไล่ราคาตามขึ้นไป สักระยะหนึ่ง  เพื่อจะได้ทำกำไรได้เพิ่มมากขึ้น  (แต่ถ้าหากสถานการณ์ผันผวน ก็ไม่สามารถทำได้)

๑๕.  การจะใช้กลยุทธ์ในการ  cut loss  หรือซื้อเฉลี่ย  จะต้องชั่งเหตุผลให้ดี

            บางครั้ง cut loss  ไปหมด  เงินทุนก็หมดไปด้วย โอกาสที่จะนำเงินที่เหลือมาทำกำไรชดเชยก็ยากมาก  (อย่าเชื่อแบบฝรั่งนัก)


๑๖.  ไม่ควรเป็นกังวลให้มากนัก  กับการวิพากษ์วิจารณ์ในตลาดหุ้น 'ซื้อแพง' และการ 'ขายหมู'  ควรหาทางแก้ไขบกพร่องของเราดีกว่า


๑๗.  ควรรวมกลุ่มเล่นหุ้น  และปรึกษาผู้มีประสบการณ์สูงเสมอ


๑๘.   การลงทุนของต่างประเทศ มีผลสำคัญต่อตลาดหุ้นไทยมาก จึงควรให้ความสำคัญให้มาก    



    ที่มา  ::
  
โดย คุณสุรศักดิ์


 
 

 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น